
ปาก(ต่อ)ปาก หรือพลังการตลาดดิจิทัล สื่อสารแบบใดไปได้ไกลกว่า?
การสื่อสารแบบปากต่อปาก หรือ Word of Mouth Marketing หรือการบอกต่อจากผู้บริโภคสู่ผู้บริโภค นั้นเป็น การสร้างการรับรู้และความน่าเชื่อถือให้แก่สินค้าหรือบริการจากผู้ใช้งานจริง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการทำการตลาดในยุคเริ่มต้น ที่มุ่งเน้นการสร้างความประทับใจและความพึงพอใจให้ลูกค้า จนเกิดการบอกเล่าต่อกันในวงกว้าง ทำให้แบรนด์นั้นๆ เป็น ที่รู้จักโดยเป็นวิธีที่สามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการโฆษณา แต่ในสภาพแวดล้อมการดูแลสุขภาพที่มีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน คลินิกทันตกรรมจำเป็นต้องคำนึงถึงเครื่องมือทุ่นแรงอื่นๆ ที่สามารถเลือกมาใช้ในการส่งสารให้ถึงผู้บริโภคในวงกว้างมากขึ้น การตลาดแบบปากต่อปากเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะดึงดูดและรักษาลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง การตลาดดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทในการเป็นเครื่องมืออันทรงพลังสำหรับคลินิกทันตกรรมในการสร้างการมองเห็น เพิ่มความไว้วางใจของผู้ป่วย และเพิ่มจำนวนการ นัดหมาย ด้วยการผสมผสานการโฆษณาออนไลน์เชิงกลยุทธ์ การสร้างเนื้อหา และการสร้างการมีส่วนร่วมของผู้รับสาร คลินิกทันตกรรมจึงสามารถมีความโดดเด่นและเติบโตอย่างยั่งยืนได้มากขึ้น ซึ่งบทความนี้จะมาแชร์ถึงกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่สามารถเป็นประโยชน์สำหรับการโปรโมตคลินิกทันตกรรมดังต่อไปนี้
1. การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับบนเครื่องมือค้นหา (SEO)
เว็บไซต์ที่ค้นหาได้ง่าย “มักได้เปรียบ” ตัวอย่างเช่น ลูกค้ามักค้นหาคำว่า “คลินิกทันตกรรมใกล้ฉัน” หรือ “คลินิกฟอกสีฟันในเมือง” การปรับแต่งเว็บไซต์ของคลินิกของคุณด้วยคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง การออกแบบที่เข้ากันและใช้งานง่ายกับมือถือ จะช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับสูงขึ้นบน Google และเพิ่มโอกาสในการถูกค้นพบ เป็นต้น
2. การโฆษณาแบบจ่ายต่อคลิก (PPC)
โฆษณา Google Ads และ Facebook Ads ช่วยให้คลินิกสามารถกำหนดเป้าหมายไปยังผู้ที่กำลังมองหาบริการทันตกรรมได้ โดยเฉพาะการช่วยในการโปรโมตการรักษาที่มีมูลค่าสูง เช่น การปลูกถ่ายฟันเทียม จัดฟัน หรือทันตกรรมเพื่อความงาม เป็นต้น
3. การตลาดเนื้อหาและการเขียนบล็อก (Content Creating)
การเผยแพร่บทความลงทางแพลฟอร์มที่คลินิกทันตกกรมใช้อยู่ ไม่ว่าจะเป็น Website Facebook ที่ให้ข้อมูล เช่น “5 เคล็ดลับในการป้องกันฟันผุ” หรือ “สิ่งที่ควรคาดหวังระหว่างการไปพบทันตแพทย์จัดฟันครั้งแรก” จะช่วยยกระดับคลินิกให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น พร้อมทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ SEO อีกด้วย
4. การมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดีย
แพลตฟอร์มอย่าง Facebook Instagram YouTube TikTok LINE จะช่วยสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเองให้กับคลินิกทันตกรรม การแบ่งปันภาพถ่ายก่อนและหลังการรักษา (โดยได้รับความยินยอมและถูกหลักกฎหมายโฆษณา) คำรับรองจากคนไข้ รวมถึงวิดีโอให้ความรู้ จะช่วยสร้างความไว้วางใจและการมีส่วนร่วม
5. การตลาดผ่านอีเมลและไลน์ออฟฟิศเชียล
การส่งการแจ้งเตือนนัดหมาย โปรโมชั่นตามฤดูกาล หรือเคล็ดลับสุขภาพช่องปากผ่านอีเมล ช่วยให้คนไข้มีส่วนร่วมและกระตุ้นให้กลับมาใช้บริการซ้ำ
6. รีวิวออนไลน์และการจัดการชื่อเสียง
การส่งเสริมให้คนไข้พึงพอใจและเขียนรีวิวบน Google หรือ Facebook ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ ชื่อเสียงออนไลน์ที่แข็งแกร่งมักเป็นปัจจัยสำคัญในการได้รับการตัดสินใจในการเลือกใช้บริการจากผู้อ่านรีวิวที่อาจจะกลายมาเป็นคนไข้ใหม่คนต่อไป
อย่างไรก็ตามการสื่อสารแบบปากต่อปาก หรือ Word of Mouth Marketing ก็ยังเป็นจุดเริ่มต้นของ การบอกต่อจากผู้บริโภคสู่ผู้บริโภค ส่วนการตลาดดิจิทัลเปิดโอกาสให้คลินิกทันตกรรมเข้าถึงผู้ป่วยได้มากขึ้น สร้าง ความน่าเชื่อถือ และสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว ด้วยการผสมผสานกลยุทธ์ หรือเลือกใช้เครื่องมือที่มีอยู่ อย่างเหมาะสม ได้แก่ การทำ SEO, การใช้โซเชียลมีเดีย, การสร้างคอนเทนต์, การโฆษณาแบบจ่ายต่อคลิก (PPC) และการรีวิวคลินิกก็จะมีโอกาสในการเติบโตในตลาดที่มีการแข่งขันสูงได้อย่างมั่นคงและต่อเนื่องยิ่งขึ้น
อ้างอิง:
1. Chaffey, D., & Ellis-Chadwick, F. (2019). Digital Marketing. Pearson Education.
2. American Dental Association. (2022). Patient marketing strategies for dentists. Retrieved from
3. HubSpot. (2023). The Ultimate Guide to Dental Marketing Ideas. Retrieved from
4. Google Ads Help. (2023). Get started with Google Ads for your business. Retrieved from
ผู้เขียนบทความ: N&N